แนะนำวิธี Crack

วิธีมาตราฐานการแคร๊กโปรแกรมนั้น มีอยู่ 4 วิธีใหญ่ๆ 
ใช้ได้ประมาณ 90% ของโปรแกรมก็อปปี้ทั้งหมดครับ
นอกเหนือจากนี้ เป็นวิธีที่เฉพาะตัว ซึ่ง ส่วนใหญ่ ก็จะมีคำอธิบายกำกับการแคร๊ก 
(เป็นภาษาอังกฤษ) มาพร้อมอยู่แล้ว
หลักการติดตั้งโปรแกรมทุกๆ ตัว ซึ่งจะต้องปฎิก่อนเป็นอันดับแรกคือ
1. ห้ามต่ออินเตอร์เน็ท ไม่ว่าจะวิธีไหนๆ เอาออกให้หมดก่อนนะครับ 
2. ปิดโปรแกรมที่กำลังใช้งานทุกตัว ไม่ว่าจะย่อไว้ ฝังไว้ ควรเอาออกก่อน

ผมจะเริ่มจากวิธีที่ง่ายสุดนะครับ

1. ให้ Serial หรือ Code มาเลย
อันนี้ ง่ายสุดติ่ง คือ หลักๆ ให้ท่านมองหา Text ไฟล์ ที่แนบมาในแผ่นโปรแกรมเหล่านั้น ชื่อไฟล์ก็สุดแสน
จะโจ๋งครึ่ม เช่น ​SN.txt Serial.txt Code.txt Crack.txtฯลฯ เจอแล้วก็เปิดดู
ในบางแผ่น ท่านอาจเจอกับ Text ไฟล์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในรูป Text ไฟล์ (งงมั๊ยครับ) คือมันเป็นรูป คอมพิวเตอร์
มีตัว i หากท่านกดเม้าท์ขวา สั่ง Propeties ที่ไฟล์นั้น ตรง Type of file: จะบอกว่า เป็น
System Information files (.nfo)
อันนี้ก็จัดเป็น Text ไฟล์ที่ Cacker ชอบใช้กันนะครับ วิธีดูง่ายๆ คือ เปิดโปรแกรม Notepad ขึ้นมา แล้วลาก
ไฟล์เหล่านี้ ไปวางใน Notepad ได้เลยครับ มันจะแสดงคล้ายๆ Text ไฟล์ทั่วๆ ไป ก็ให้เลื่อนหาหน่อยว่า
เค้าพิมพ์ Code หรือ Serial ไว้ตรงไหนนะครับ



2. ให้ไฟล์ Keygen มา อันนี้แบ่งออกเป็น 
- Keygen แบบไม่ซับซ้อน คือให้ตัวเลขมาเลย หรือบางทีก็ให้ใส่ชื่อ บริษัท ท่านต้องใส่ก่อน จึงจะให้ตัวเลขมา
(มั่วๆ ก็ได้ แต่ต้องให้เหมือนกันกับตอนที่เอาไปใส่ในโปรแกรม)
ตอนเอาไปใส่ บางโปรแกรม ถามตอนแรกของการติดตั้ง บางโปรแกรมยังไม่ถาม บางโปรแกรมถามตอน
เปิดโปรแกรมครั้งแรก ซึ่งก็แล้วแต่นะครับ ไม่ต้องตกใจ ส่วนโปรแกรมที่ยังไม่ถามบางโปรแกรม เมื่อติดตั้ง
เสร็จแล้ว ให้ท่านไปดูที่เมนู แถวๆ Help โดยส่วนใหญ่จะอยู่แถวๆ นั้น
- Keygen แบบแก้ไขค่า Register ให้เลย แบบนี้ ก็คล้ายๆ แบบแรก แต่ง่ายกว่า คือแค่เรากดตัวเลข
มันจะมีปุ่มให้กด เพื่อแก้ค่า Register ให้เลย โดยที่เราไม่ต้องเอาไปใส่เอง สะดวกสบายสุดๆ
- Keygen แบบ สร้างไฟล์ขึ้นมา แบบนี้สังเกตว่าเมื่อเราเรียก Keygen ขึ้นมาใช้ มันต้องการให้เรากรอกอะไร
พอเรากรอก แล้วกดเพื่อจะเอาตัวเลข มันจะขึ้น Error ประมาณว่า เขียนไฟล์ไม่ได้ (กรณี้รันกับแผ่นซีดี)
ถ้าเป็นแบบนี้ ก่อนอื่นให้เราก็อปปี้ตัว Keygen ลงเครื่องไว้ก่อนที่จะเรียกใช้ (วางไว้ที่ Desktop ก็สะดวกดี)
พอเราได้ไฟล์ที่สร้างมาจาก Keygen แล้ว ก็นำไฟล์ที่ได้มา ลากไปวางในตัวโปรแกรม (ส่วนใหญ่) หรือที่ๆ
มันต้องการ ซึ่งมันจะมี Text ไฟล์บอกมาว่า ให้ไปไว้ที่ไหนครับ
- Keygen แบบ Activate แบบนี้ งงสำหรับมือใหม่เล็กน้อย แต่ไม่ยากครับ
โดยปกติแบบนี้ จะมีช่องมาให้เราอย่างน้อย 3 ช่อง คือช่องแรกจะเป็น CD-Key หรือ Serial ให้เราเอาไปใส่
ตอนติดตั้ง และเมื่อติดตั้งเสร็จ โปรแกรมติดตั้งจะให้เลขมาอีก 1 ชุด แล้วก็รอตัวเลขอีก 1 ชุด
สุดแท้แต่มันว่า จะเรียกว่าอย่างไร เราก็แค่นำเอาเลขทีี่มันให้มาใส่ไว้ในโปรแกรม Keygen (เชื่อผมเถอะว่า 
มันมีทีีให้ใส่อันเดียว) แล้วโปรแกรม Keygen ก็จะให้ตัวเลขมาอีกชุด ให้เราเอาไปใส่ในโปรแกรมที่รออยู่
วิธีนี้ นิยมมาก จะพบมากในโปรแกรมค่าย Adobe, Autodesk หากท่านยังงงๆ รบกวนท่านไปอ่านกระทู้ที่
แนะนำวิธีการติดตั้ง Acrobat 8 ซึ่งจะมีภาพประกอบ จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ



3. แบบ Crack
ไฟล์ Crack คือ ไฟล์ส่วนประกอบของโปรแกรมนั้นๆ ถูกนำมาแก้ไข ไม่ให้หมดอายุ ลิมิต ฯลฯ

อันนี้ก็ไม่ยาก สังเกตว่า ในแผ่นจะมี Folder "Crack" มาให้ บางที อาจเป็นชื่ออื่น คือเป็นชื่อของกลุ่มที่ 
Crack โปรแกรม เช่น Nope, Edge ฯลฯ ก็แล้วแต่ ที่แน่ๆ ก็คือ ในนั้นจะมีไฟล์ Crack มาให้
จะทราบได้อย่างไรว่า คือไฟล์ Crack? อันนี้ก็ต้องพึ่งรอยหยักในสมองเล็กน้อย เอิ๊กๆ เพราะมันคือไฟล์
จากตัวโปรแกรมโดนแก้ไขไม่ให้หมดอายุ ชื่อไฟล์ก็น่าจะดูรู้ว่าคืออะไร ส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์ที่มีชื่อ
ละม้ายตัวโปรแกรมนั้นๆ 
หน้าที่ของเราคือ ติดตั้งโปรแกรมลงไปก่อน ขณะที่เริ่มติดตั้งนั้น ช่วงต้นๆ มันจะแจ้งว่า โปรแกรม จะทำ
การติดตั้งไปไว้ที่ไหน (หรือให้เราเลือก) เราก็จำตำแหน่งที่โปรแกรมจะติดตั้งไว้ เช่น 
C:\Program Files\Adobe\Photoshop เมื่อติดตั้งเสร็จก็ให้เราก็อปปี้ไฟล์ Crack ตามไปที่ Folder นั้นๆ
ถ้าไปถูก วินโดว์จะฟ้องว่า มีไฟล์อยู่แล้ว จะเขียนทับมั๊ย? ครับ เราก็ต้องตอบ Yes เพื่อต้องการทับ
โปรแกรมหลายๆ ตัว เมื่อติดตั้งเสร็จ จะขอเรา Restart เครื่อง ถ้าเป็นวิธี Crack แนะนำว่า ให้เรา Crack
ให้เสร็จก่อนที่จะ Restart นะครับ (เหตุผลยาว ขอไม่ต่อให้มาก เดี่ยวตาลาย)
มีอีกวิธี เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้ว ให้เราใช้วินโดว์ ค้นหาว่า ไฟล์ที่ชื่อตรงกับไฟล์ Crack อยู่ที่ไหน
เราก็ก็อปปี้ตามเข้าไปก็ได้ แล้วแต่สะดวกละกันนะครับ



4. วิธี Patch
Patch คล้ายๆ กับ Crack ต่างกันนิดเดียวคือ Crack คือเค้าแก้มาให้แล้ว เรานำไปใส่ทีหลัง แต่ Patch นั้น
เค้าให้โปรแกรมมาให้เราเอาไปกดแก้เองหลังจากติดตั้ง

ชื่อไฟล์ Patch ส่วนใหญ่ ก็ตามนั้นเลยครับ มีไฟล์ Pacth มาให้ มีส่วนน้อยที่เป็นชื่ออื่น แต่ชื่อนั้นจะไม่เป็นส่วน
ประกอบไฟล์ของโปรแกรมนั้นๆ แน่นอน

วิธีทำคล้ายๆ กับวิธี Crack แหละครับ โดยติดตั้งโปรแกรมไปก่อน แล้วก๊อปปี้ ไฟล์ Patch ตามไปที่ Folder 
ที่ติดตั้งโปรแกรมนั้นๆ แต่ต่างคือ ให้เราตามไปที่ Folder นั้น แล้วเรียก Patch 1 ที (โดย ดับเบิ้ลคลิ๊ก)